
.
ทำไมฉันถึงยกแรมบรังด์ไว้เหนือกว่า วางไว้ที่อื่น แยกไว้ต่างหาก?
ไม่มีความเป็นเรียลลิสม์เลย: สิ่งที่เขาวาดคือผู้หญิงที่ซ่อนอยู่ภายใต้การปรากฏตัวของบัทเชบา เขาวาดการชั่วขณะของล่วงผ่านไว้อย่างแม่นยำ ชั่วขณะที่เป็นประตูสู่นิจนิรันดร ในชั่วขณะที่เป็นนิรันดร
เขาวาดผู้หญิงที่ถูกประทับไว้ด้วยจดหมาย ดึงออกมานอกตัวเธอ และผู้ที่เขาเรียกว่า – เราเรียกว่า – บัทเชบา
เขาวาดดวงใจอันบอบช้ำของบัทเชบา เขาวาดความเข้มข้นที่บางเบาและรวนเรไม่มั่นคง
แรมบรังด์วาดความลับ: ร่องรอยของสิ่งที่พ้นไปจากเรา: เขาวาดสิ่งที่หนีพ้นจากเราไปอยู่ตลอดมา: สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และสิ่งที่ข้ามพ้นจากเราไปในทันใด ทิ่มแทงเรา พลิกคว่ำเราให้กลับหัวกลับหาง รอด – พ้นไปจากภาพเขียน พ้นไปจากความนึกคิด และทิ้งเราเอาไว้ที่นั่น ให้เราเหนื่อยหอบ ชะงักงัน ถูกบาดลึก เขาวาดร่างกายที่ยังเหลืออยู่ อาจจะเป็นผิวหนัง หรืออาจจะเป็นศพ
ภาพวาดคือสถานที่ของการล่วงผ่าน
.
และเพื่อที่จะวาดภาพนี้ เราจะต้องตาย
เขาวาดเหมือนเป็นคนตาย เหมือนกวี เป็นเหมือนคนตาย
เห็นไหมว่าทำไมฟาน ก็อกฮ์ ถึงแยกแรมบรังด์ไว้ต่างหาก วางเอาไว้ที่อื่น:
“– ลึกซึ้งเหลือเกิน ช่างเป็นความรู้สึกที่สูงส่งอะไรอย่างนี้นะ เราต้องตายไปอีกครั้งเล่าถึงจะวาดให้ได้อย่างนี้ ”
“แรมบรังด์ทะลุผ่านเข้าไปไกลเหลือเกิน ไปสู่ความลึกลับที่เขาบอกว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีภาษาใดสามารถถ่ายทอดออกมาได้ เราคงพูดถึงแรมบรังด์ได้แต่เพียงว่า: ผู้วิเศษ…. นี่เป็นงานศิลปะที่ไม่ง่ายเลย” (Correspondence, p. 123)
งานศิลปะของความตายนั้นไม่ง่าย มันหมายความว่าอย่างไร?
ลองยกตัวอย่าง: แรมบรังด์ไม่ได้วาดบัทเชบาด้วยความกระหายของแรงปรารถนา แต่เขาวาดด้วยความรักในมนุษย์และความมหัศจรรย์ของการมีชีวิตอยู่ ความพิศวงอย่างลึกซึ้ง ปีติที่ปราศจากความยิ่งใหญ่ จนเกือบเป็นศรัทธาอันแรงกล้าก่อนที่จะมาเป็นงานสร้างสรรค์ชิ้นนี้: การมีอยู่ของมนุษย์ ไม่มีอะไรสูงส่ง ไม่มีอะไรที่พิเศษ ความงดงามอันลุ่มลึกของความธรรมดา แล้วอะไรที่น่าอัศจรรย์: การเปลี่ยนรูปตามธรรมดา: คนเหล่านี้ถูกทำให้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เวลาหมุนไป และไม่ใช่เพียงแค่เวลา ทุกสิ่งวาดเราอยู่ไม่จบสิ้นจากข้างใน สายลมและสาส์นทั้งหมดมาเคาะยังประตูสู่หัวใจ และวาดขึ้นจากข้างในความทุกข์ทนอันร้อนรนกระวนกระวายที่เราเรียกว่าวิญญาณ (วิญญาณ, ความทนทานที่จะเจ็บปวด ซเวตาเยวากล่าว)
นั่นคือสิ่งที่เอ่อท้นอยู่ในบัทเชบา จดหมายที่หลั่งรินสู่ร่างกายของเธอ อวัยวะของเธอ สมองของเธอ และไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอ ใบหน้าของเธอ คิ้วของเธอ จากข้างใน
เธอฟังสิ่งนี้: การเปลี่ยนรูปในร่างกายเธอ มันยังใหม่อยู่ เคลื่อนไป ชั่วแล่น เธอไม่รู้ว่าใครที่เธอกำลังจะเป็นในอีกไม่ช้า
ข้ามพ้น
ข้ามพ้น, นักบุญมัทธิวก็ด้วยหรือ? ติดตรึง เงยหน้าขึ้น รอฟัง
เขาวาดให้เราเปลี่ยนการฟังตัวเองไป
แง่นึงเขาวาด
ความเงียบ
อันหนักหน่วง
ของบัทเชบา
อีกแง่นึงเขาวาดเสียงที่ทำให้เกิดเป็นการเขียน
– เสียง – จะวาดเสียงยังไง?
– ก็เราไม่เห็นเสียง
แรมบรังด์วาดเสียงที่เราไม่อาจเห็น
….วาดสิ่งที่เราไม่อาจเห็น
….เห็น?
….วาดสิ่งที่เปล่งเสียงอยู่ข้างใน…
………….คำนี้ ทูตสวรรค์
.

.
ฉันดูภาพ นักบุญมัทธิวและทูตสวรรค์ (Saint Matthew and the Angel)
ที่ฉันชอบคือ: ความใกล้เคียงกับการไม่เห็น
และมือที่วางบนไหล่ มือของเสียง เพราะความลึกลับของเสียงคือสิ่งนี้: นั่นคือมันที่สัมผัสเรา และทูตสวรรค์องค์นี้ก็ด้วยที่ชิดใกล้เข้ามาเหลือเกิน เป็นเนื้อหนังเหลือเกิน – องค์ที่มีเพียงหัวและมือเดียว (ร่างกาย…. เรานึกถึงมัน) ทูตสวรรค์, ฉันหมายถึงเสียง ร่างกายที่เป็น: “การยืนเขย่งบนปลายเท้า” มันคือความตึงเครียด ไปยังหูที่เรามุ่งไป
.

.
แรมบรังด์วาดสิ่งลี้ลับนี้ที่ทำให้ร่างกายเคลื่อนไป: สภาวะของการสร้าง การเขียน การนึกคิดนั้นดำรงอยู่ในสภาวะของการอคอยสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่ป่าวร้องว่าตัวมันเป็น – การป่าวประกาศและสิ่งที่ใกล้เข้ามา – พลังแข็งที่แกร่งกว่าตัวฉันซึ่งเกิดขึ้นข้างหลังฉัน และ – ฉันเดาว่า – การวาดก็เหมือนกัน ที่มีทูตสวรรค์อยู่ตรงไหล่และดวงตาของคุณที่คอยฟังแต่มองไม่เห็น
.

.
นี่เป็นท่าทางเดียวกับภาพการครุ่นคำนึงของนักปรัชญา (Philosopher Meditating) นักปรัชญาคือ “การฟัง” เขาไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นหู ทั้งหมดคือการได้ยิน เบือนหน้าจากแสงเพียงเล็กน้อย หันจากหนังสือ – และหันไปจากทรวงอก ดังนั้นจึงชี้ไปที่ปาก – หูที่ซ่อนเร้น….
“การครุ่นคำนึงของนักปรัชญา” คืออะไร?
เปลือกหอยอันหม่นมัว
การครุ่นคำนึงเกิดขึ้นที่ขั้นสุดท้ายของบันได
.
– Hélène Cixous, Bathsheba or Interior Bible